“สิงห์ทะเลทราย” ซาอุดีอาระเบีย ช็อกโลกชนะ“ฟ้า-ขาว” อาร์เจนตินา เต็งแชมป์ไปได้ 2-1 ในศึกฟุตบอลโลก 2022 นัดแรกของกลุ่มซี เมื่อวันที่22พ.ย.ประเดิม3แต้มแรกไปได้แบบหักปากกาเซียน ขณะที่เกม“เวิลด์ คัพ 2022” คืนนี้ (23 พ.ย.)เป็นคิวของกลุ่มอีรวมทั้งเอฟ คู่เอกลงเตะกันเวลา20.00 น. เป็นเกมกลุ่มอี
“อินทรีเหล็ก”เยอรมนี แชมป์โลก 4 สมัยดวลกับ“ซามูไร”ญี่ปุ่นตัวแทนจากเอเชีย ถึงแม้ว่าทางแข้งเมืองเบียร์จะมีขุมกำลังที่แกร่งกว่า แต่แข้งปลาดิบก็ไม่ธรรมดา จะเปิดเกมสู้กับ “อินทรีเหล็ก” อย่างสนุกรวมทั้งมีโอกาสบุกมาแบ่งแต้มได้
ส่วนอีกคู่ในกลุ่มเดียวกันลงเตะ 23.00 น. “กระทิงดุ” ประเทศสเปน อยู่ในช่วงเวลาที่ดีจะเปิดเกมรุกถาโถมใส่ “กล้วยหอม” คอสตาริกา ตั้งแต่ต้นเกม ก่อนจะอาศัยจังหวะเข้าทำที่เด็ดขาดกว่าเอาชนะไปในที่สุด ส่วนคู่แรกของวันฟาดแข้ง 17.00 น. “ตาหมากรุก” โครเอเชีย รองแชมป์ครั้งล่าสุดอาศัยทีมเวิร์ก
รวมทั้งจังหวะจบสกอร์ที่เด็ดขาดกว่าบดเอาชนะโมร็อกโก ตัวแทนจากแอฟริกาไปแบบไม่ยาก คู่สุดท้ายตีสอง “ปิศาจแดง แห่งยุโรป” เบลเยียม ทีมอันดับ 3 ในปี 2018 สภาพ ทีมพร้อมขาดแค่โรเมลู ลูกากู คนเดียว คงจะไล่อัด แคนาดา ตัวแทนจากคอนคาเคฟไปแบบสบายเกือก
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายวันอังคารที่ผ่านมา คู่แรก “ฟ้า-ขาว” อาร์เจนตินา
แชมป์โคปาอเมริกา 2021 รวมทั้งเป็น 1 ในทีมเต็งแชมป์ พบกับ “สิงห์ทะเลทราย” ซาอุดีอาระเบีย ทีมแกร่งจากทวีปเอเชีย คู่นี้ฟาดแข้งกันที่ ลูซาอิล ไอคอนิค สเตเดียม เกมนี้ อาร์เจนตินา จัดกองทัพใหญ่มีลิโอเนล เมสซี กองหน้าตัวเก่งนำกองทัพ
เปิดฉากมาเพียงแต่ 10 นาที แฟนบอลฟ้า-ขาว ที่ตามมาเชียร์ถึงสนามก็ได้เฮกันสนั่นเมื่อได้จุดโทษ ก่อนที่เมสซีจะรับหน้าที่สังหารเข้าไปให้อาร์เจนตินา ขึ้นนำไปก่อน 1-0 นาทีที่ 18 เลาตาโร มาร์ติเนซ กองหน้าฟ้า-ขาว ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายแต่กรรมการเป่าล้ำหน้า จากนั้นนาทีที่ 27 เลาตาโร มาร์ติเนซ
คนเดิมยิงให้ทีมออกนำไป 2-0 แต่วีเออาร์ริบประตูคืนเนื่องจากล้ำหน้า จากนั้นทีมฟ้า-ขาวยังถูกริบประตูอีกถึง 2 คราวกลายเป็นว่าในครึ่งแรกทีมฟ้า-ขาวถูกไม่ยอมรับการได้ประตูไปถึง 3 ครั้ง จบครึ่งแรกอาร์เจนตินา ขึ้นนำ 1-0
เริ่มครึ่งหลังไปได้เพียงแต่ 4 นาที ซาอุดีอาระเบีย มาแก้คืนได้ฉับพลันจากซาเลห์ อัล-เชห์รี ยิงบอลเข้าไปตุงตาข่ายให้ ซาอุฯ ตีเสมอ 1-1 จากนั้นนาทีที่ 53 แฟนบอลอาร์เจนตินาต้องเงียบกริบ เมื่อซาเลม อัล ดาว์ซารี กัปตันทีมปั้นด้วยขวาสุดสวยบริเวณหน้ากรอบเขตโทษหนีมือ เอมิลิอาโน มาร์ติเนซ เข้าไปตุงตาข่าย ให้ ซาอุฯ ขึ้นนำ 2-1
นาทีที่ 75 อังเคล ดิ มาเรีย ปีกตัวเก๋าได้โอกาสสับไกแต่ อาลี อัล โบเลฮี พุ่งเข้าบล็อกเอาไว้ได้ นาทีที่ 83 ลิโอเนล เมสซี ได้กระแทกเหน่ง เน้น ๆแต่ไม่ผ่านมือผู้รักษาประตูของซาอุดีอาระเบีย จากนั้นอาร์เจนตินาบุกหนักแต่ไม่สามารถทำอะไรได้จบเกมซาอุดีอาระเบีย ช็อกโลก! เอาชนะอาร์เจนตินา ไปแบบพลิกความคาดหมาย 2-1 คว้า 3 แต้มแรกในเกมประเดิมสนามไปครอง
ขณะที่อีกคู่ที่สนาม เอดูเคชัน ซิตี้ สเตเดียม เมืองอัล เรย์ยาน ในกลุ่มดี “โคนม” เดนมาร์ก ทีมดังจากยุโรป ทำได้แค่เสมอกับตูนิเซีย ตัวแทนจากแอฟริกา ไปอย่างจืดจาง 0-0 แบ่งกันไปเพียงแต่ทีมละแต้มเท่านั้น
ขณะที่ศึก “เวิลด์ คัพ 2022” วันที่ 23 พ.ย. คู่แรกฟาดแข้งเวลา 17.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เป็นคิวของกลุ่มเอฟ โมร็อกโก ตัวแทนจากแอฟริกา ลงสนามพบกับ “ตาหมากรุก” โครเอเชีย รองแชมป์เมื่อ 4 ปีที่แล้ว นัดนี้ฟาดแข้งกันที่ อัล เบย์ต สเตเดียม เมืองอัล คลอร์ โดยช่องทรูโฟร์ยู (ช่อง 24) ถ่ายทอดสด
วาลิด เรกรากุย ผู้ฝึกสอนโมร็อกโก ไม่มีปัญหาการจัดกองทัพขุมกำลังอยู่กันครบ แนวรับมี อัคชาฟ ฮาคิมี, โรแมง ซาอิส เป็นแกนหลัก ซอฟยาน อัมราบัต คุมเกมกลางสนามร่วมกับ ลิอัส แชร์, เซลิม อมัลลาห์ แดนหน้าวาง ฮาคิม ซิเยค, อับเดอร์ราซัค อัมดุลลาห์, โซฟียาน บูฟาล ยืนเป็น 3 ประสานแดนหน้า
ซลัตโก ดาลิช กุนซือโครเอเชีย ไม่มีปัญหาในการจัดกองทัพด้วยเหมือนกัน โดยจะลงเล่นในระบบ 4-2-3-1 แนวรับมี เดยัน ลอฟเรน, ดามากอย วิดา ยืนเป็นแกนหลัก มาเตโอ โควาซิช, มาริโอ พาซาลิช คุมจังหวะเกม ลูกา โมดริช กัปตันทีมจอมเก๋าขับเคลื่อนเกมร่วมกับ อิวาน เปริซิช, นิโกลา วลาซิช แดนหน้าวาง อังเดรจ์ ครามาริช ยืนหน้าเป้า
เกมนี้ โครเอเชียเหนือกว่าโมร็อกโกพอสมควรทั้งขุมกำลัง ความสามารถรวมทั้งแท็กติกการเล่น นัดนี้ตัวแทนจากแอฟริกาคงจะสู้กับทาง “ตาหมากรุก” ได้อย่างสนุกในช่วงแรกๆพอเล่นไปเล่นมากองทัพ โครแอต จะคุมเกมเอาไว้ได้ก่อนจะบดเอาชนะไปได้ไม่ยาก
คู่ต่อมาเวลา 20.00 น. เป็นคิวของกลุ่มอี “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี แชมป์โลก 4 สมัยลงสนามพบกับ “ซามูไร” ญี่ปุ่น ทีมแกร่งจากแดนปลาดิบ คู่นี้ฟาดแข้งกันที่ คาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดียม เมืองอัล เรย์ยาน โดยช่อง 7 (ช่อง 35) ถ่ายทอดสด
ฮันส์ ดีเธอร์ ฟลิก ผู้ฝึกสอน จะไม่มีลีรอย ซาเน ปีกตัวเก่งที่ไม่พร้อมในเกมนี้ แต่ไม่ส่งผลต่อ ทีมเท่าไร เกมนี้จะลงเล่นในระบบ 4-3-3 แนวรับวาง อันโตนิโอ รูดิเกอร์, นิคลาส ชูร์เล ยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ โจซัว คิมมิช คุมเกมกลางสนามร่วมกับอิคลาย กุนโดกัน รวมทั้ง เลออน โกเรตซ์กา แดนหน้าวาง แซร์ช นาบรี, ยุสซูโฟ มูโกโก, ไค ฮา เวิร์ตซ์ ยืนเป็น 3 ประสานแดนหน้า
ฮาจิเมะ โมริยาสุ กุนซือทีมชาติญี่ปุ่น
อยู่ในสภาพทีมค่อนข้างพร้อม ลงเล่นในระบบ 4-2-3-1 แนวรับวาง ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ, มายะ โยชิดะ, โชโก ทานิกูชิ, ฮิโรกิ อิโตะ ยืนเป็นแผงแบ็กโฟร์ คาคุ ชิบาซากากิ, วาตารุ เอ็นโดะ คุมจังหวะเกม ทาเคฟุซา คูโบะ ผนึกกำลังทาคุมิ มินามิโนะ, ไคจิ คามาดะ ปั้นเกมรุก โดยมีทาคุมะ อาซาโนะ ลงยืนหน้าเป้า
จากขุมกำลัง เยอรมนี ดูเหนือกว่าก็จริง แต่ญี่ปุ่นชุดนี้ไม่ธรรมดาขุมกำลังส่วนมากค้าแข้งในยุโรปเสริมแกร่งมากันเต็มพิกัดเช่นเดียวกัน คงจะเปิดเกมแลกกับแชมป์โลก 4 สมัยได้สนุก ถึงแม้ว่า “อินทรีเหล็ก” ชื่อชั้นจะเหนือกว่า
แต่ฟอร์มการเล่นช่วงหลังยังขาดความแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวรุกที่ค่อนข้างฝืด คงยากจะเจาะแนวรับของกองทัพซามูไรได้ยาก แถมบุกเพลินมีโอกาสโดนทีเด็ดจากไคจิ คามาดะ, ทาเคฟุซา คูโบะ, ทาคุมะ อาซาโนะ โจมตีได้เช่นเดียวกัน
อีกคู่กลุ่มอี ลงเตะเวลา 23.00 น. “กระทิงดุ” ประเทศสเปน ทีมแกร่งจากยุโรป จะพบกับ “กล้วยหอม” คอสตาริกา ตัวแทนจากโซนคอนคาเคฟ นัดนี้เตะกันที่อัล ธูมามา สเตเดียม, กรุงโดฮา ถ่ายทอดสดผ่านทางทรูโฟร์ยู (ช่อง 24)
หลุยส์ เอ็นริเก เฮดโค้ชของทีมชาติประเทศสเปนไม่มี โฆเซ กายา แบ็กซ้ายที่ถอนตัวไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใด นัดนี้จะลงเล่นในระบบ 4-3-3 แนวรับวางดานี คาร์วาฆวล, เปา ตอร์เรส, อายเมอริค ลาปอร์ต รวมทั้งฆอร์ดี อัลบา
ยืนเป็นแผงแบ็กโฟร์ โกเก กองกลางตัวเก๋าคุมจังหวะเกมร่วมกับกาบี, โรดรี คุมเกมกลางสนาม แดนหน้า อันซู ฟาติ, มาร์โก อเซนซิโอ, ปาโบล ซาราเบีย ยืนเป็น 3 ประสานแดนหน้า
หลุยส์ แฟร์นันโด ซูอาเรซ ผู้ฝึกสอนคอสตาริกา วางแผนลงเล่นในระบบ 4-2-3-1 แนวรับวางออสการ์ ดูอาร์เต, ไบรอัน โอเวียโด ยืนเป็นแกนหลัก ไบรอัน รุยซ์ ผนึกกำลังเจวิสอน เบนเนตต์, เกอร์สัน ตอร์เรส ปั้นเกมรุก มีโจเอล แคมป์เบลล์ ดาวซัลโวความหวังของทีมลงยืนหน้าเป้า
ประเทศสเปน เหนือกว่าหลายช่วงตัวเลยทีเดียว คอสตาริกาลงเล่นเกมนี้แม้จะเน้นรับ
แต่แผงหลังก็ไม่ได้แกร่งมากเท่าไร ยิ่งมาเจอแนวรุกของกองทัพกระทิงที่ค่อนข้างเร็วรวมทั้งจัดจ้าทั้งอันซู ฟาติ, มาร์โก อเซนซิโอ, ปาโบล ซาราเบีย คงจะยาก
ต้านทานไหว หากลูกแรกมาเร็วรับรองสกอร์ไหลแน่นอน
คู่สุดท้ายของวันลงเตะ 02.00 น. “ปิศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม อันดับ 3 ในครั้งที่แล้ว พบกับแคนาดา ตัวแทนจากคอนคาเคฟ ที่กลับมาเล่นในบอลโลกอีกครั้งในรอบ 36 ปี นัดนี้ฟาดแข้งกันที่อาห์มัด บิน อาลี สเตเดียม คู่นี้ช่องไทยรัฐ ทีวี (ช่อง 32) ถ่ายทอดสด
โรแบร์โต มาร์ติเนซ กุนซือเลือดกระทิงจะไม่มี โรเมลู ลูกากู กองหน้าร่างยักษ์ที่ยังไม่พร้อม แต่ตัวหลักคนอื่นๆอยู่กันพร้อมหน้า แนวรับวาง โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์, แยน แฟร์ตองเกน ยืนคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ อักเซล วิตเซล, ยูริ ติเลมันส์ คุมจังหวะเกมกลางสนาม เควิน เดอ บรอยน์
จอมทัพระดับเวิลด์คลาสขับเคลื่อนเกมกลางสนาม แดนหน้าวางดรีส เมอร์เตนส์, เอเด็น อาซาร์, เลอันโดร ทรอสซาร์ ยืนเป็น 3 ประสานแดนหน้า
จอห์น เฮอร์ดแมน ผู้ฝึกสอนแคนาดา ต้องลุ้นอาการบาดเจ็บของ อัลฟอนโซ เดวิส กองหน้าตัวเก่งจากบาเยิร์น มิวนิก ก่อน ถ้าหากไม่พร้อม ไคล์ ลาร์ริน จะได้โอกาสลงล่าตาข่ายร่วมกับโจนาธาน เดวิด รวมทั้งดาวิด จูเนียร์ ฮอยเลตต์ แดนกลาง จาฆอน บูชานา
ขับเคลื่อนเกมร่วมกับอติบา ฮัดชิสัน กัปตันทีม รวมทั้งซามูเอล เพียตเต แนวรับมีสตีเวน วิตอเรีย, คามาล มิลเลอร์ ยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ
เบลเยียม ผลงานอุ่นเครื่องไม่ดีนัก แต่ขุมกำลังยังดูเหนือกว่าแคนาดาอยู่หลายช่วงตัว แม้ว่าจะไม่มีโรเมลู ลูกากู กองหน้าตัวเก่ง
แต่ขุมกำลังที่เหลือทั้ง ดรีส เมอร์เตนส์, เอเด็น อาซาร์, เลอันโดร ทรอสซาร์ รวมทั้งเควิน เดอ บรอยน์ คงจะดาหน้า ใส่แนวรับแคนาดาอยู่ฝ่ายเดียวก่อนจะบดเอาชนะไปแบบสบายๆ